ในปัจจุบัน อาการปวดกระเพาะอาหารถือเป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อยในยุคสมัยนี้ โดยมีอาการต่างๆ เช่น ปวดหน่วงๆ ปวดบีบเป็นช่วงๆ และรู้สึกแสบร้อนบริเวณกระเพาะอาหาร แล้วจะรับมือกับอาการปวดกระเพาะอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพได้อย่างไรเมื่ออยู่ที่บ้าน? ขอเชิญทุกท่านติดตามบทความด้านล่างนี้!
1.โรคปวดกระเพาะอาหารคืออะไร?
โรคปวดกระเพาะอาหารคือภาวะที่เยื่อบุของกระเพาะอาหารเกิดการระคายเคือง อักเสบ หรือเป็นแผล ทำให้เกิดอาการปวดหน่วงๆ และไม่สบายในช่องท้องส่วนบน
โรคปวดกระเพาะอาหารนับเป็นหนึ่งในโรคระบบทางเดินอาหารที่พบบ่อยที่สุด ปัจจุบันในประเทศไทย อัตราการเกิดโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย
2.สาเหตุของอาการปวดกระเพาะอาหาร
มีหลายปัจจัยที่สามารถก่อให้เกิดอาการปวดกระเพาะอาหาร โดยสาเหตุหลักๆ ได้แก่:
- การติดเชื้อแบคทีเรียเอชพี (Helicobacter Pylori): แบคทีเรียเอชพีสามารถเข้าสู่กระเพาะอาหารได้ง่าย และเป็นแบคทีเรียชนิดเดียวที่สามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่มีกรดเข้มข้นในกระเพาะอาหารได้ มันจะหลั่งสารพิษที่ทำลายเยื่อบุและก่อให้เกิดการอักเสบหรือแผลในกระเพาะอาหาร
- พฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม: การกินอาหารมากเกินไป กินเร็ว กินไม่เป็นเวลา หรือการงดอาหาร มักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดกระเพาะ รวมถึงการกินอาหารที่เผ็ดจัด มันจัด หรือมีเครื่องปรุงรสมากเกินไป
- ความเครียดและความกดดันต่อเนื่อง: เมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียดเป็นเวลานาน กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการบีบตัวและกระตุ้นให้อาการแย่ลง
- การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของกระเพาะอาหาร แอลกอฮอล์จะทำลายเยื่อบุของกระเพาะอาหารและทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น
- การใช้ยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดมากเกินไป: ยาประเภทนี้สามารถกัดกร่อนเยื่อบุของกระเพาะอาหารโดยตรง และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยโดยตรง
3. วิธีบรรเทาอาการปวดกระเพาะอาหารทันทีที่บ้าน
3.1. ประคบร้อนบริเวณท้อง
หากเกิดอาการปวดกระเพาะอย่างกะทันหัน ให้ใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณหน้าท้อง ความร้อนจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น ในกรณีที่ไม่มีถุงประคบ สามารถใช้น้ำอุ่นใส่ขวดพลาสติกหรือขวดแก้วมาประคบแทนได้ อีกวิธีหนึ่งคือการนำเกลือไปคั่วให้ร้อนแล้วใส่ถุงผ้าประคบบริเวณท้อง วิธีนี้จะช่วยลดการหดเกร็งของกระเพาะอาหาร และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
3.2. การนวดท้อง
การนวดท้องช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดได้วิธีการนวดนี้ค่อนข้างง่าย: วางมือของคุณไว้ใต้หน้าอกแล้วค่อยๆ เคลื่อนมือลงมาที่ท้องตามทิศทางเข็มนาฬิกา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณสามารถเติมน้ำมันหม่องลงในฝ่ามือแล้วนวดต่อไปจนรู้สึกว่าท้องอุ่นขึ้น นวดประมาณ 10 นาทีจะช่วยบรรเทาอาการปวด
3.3. นอนตะแคง
เมื่ออาการปวดท้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิธีที่ดีที่สุดคือให้คุณใจเย็นๆ ค่อยๆ นอนลงบนเตียงและพยายามหมุนตัวไปทางซ้าย ในขณะนี้ลำไส้จะถูกยกขึ้นช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้นและลดการอักเสบในกระเพาะอาหาร คุณต้องระวังไม่ให้นอนหลังรับประทานอาหารทันที เพราะจะทำให้ท้องอืดและย่อยอาหารได้ยาก
3.4. การดื่มน้ำเกลืออุ่น
น้ำเกลืออุ่นช่วยรักษาสมดุลของเลือดและเพิ่มความสามารถในการปกป้องกระเพาะอาหารได้ดีขึ้น นอกจากนี้ น้ำอุ่นยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในระบบทางเดินอาหาร ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องชั่วคราว คุณสามารถผสมน้ำเกลืออุ่นแล้วดื่มวันละ 2 ครั้ง
3.5. การเดิน
หนึ่งในวิธีที่แพทย์แนะนำในการรักษาอาการปวดท้องคือการเดินหลังจากรับประทานอาหาร การเดินช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารได้เร็วขึ้นและขับลมออกจากท้องได้ง่าย ช่วยลดอาการท้องอืดและความรู้สึกไม่สบาย
3.6. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
หนึ่งในวิธีป้องกันการปวดท้องคือการสร้างพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง, ทานผักใบเขียวและผลไม้ให้มาก และหลีกเลี่ยงอาหารที่รสเผ็ดร้อนหรือมีไขมันมาก
นอกจากนี้ ควรแบ่งมื้ออาหารให้เล็กลงเพื่อช่วยให้กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้นและลดอาการปวดท้องที่เกิดจากกระเพาะอาหาร
ทานอาหารที่นิ่มและย่อยง่าย, ทานช้าๆ และเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อลดภาระที่กระเพาะอาหารต้องรับ
ดร. อมรรัตน์ วงศ์สุข
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและระบบทางเดินอาหาร