ปวดกระเพาะควรดื่มนมอะไรถึงจะช่วยลดอาการปวดและปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร?
หลายคนสงสัยว่าเมื่อมีอาการปวดกระเพาะ ควรเลือกนมแบบไหนที่ทั้งให้สารอาหารครบถ้วน และไม่กระตุ้นให้อาการแย่ลงมาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยค่ะ
ปวดกระเพาะ ควรดื่มนมหรือไม่?
นมเป็นแหล่งโปรตีน แคลเซียม และวิตามิน D ที่สำคัญแต่ ไม่ใช่นมทุกประเภทจะเหมาะกับคนที่มีอาการปวดกระเพาะบางชนิดช่วย ลดกรดในกระเพาะ และ เสริมการย่อยอาหารแต่บางชนิดอาจทำให้ ท้องอืด แน่นท้อง หรือไม่สบายท้อง มากขึ้นดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ควรเลือกดื่มนมให้เหมาะกับสภาพร่างกายหรือ ปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อาการแย่ลงค่ะ

1.นมพร่องมันเนย หรือนมไขมันต่ำที่มีน้ำตาลน้อย
นมพร่องมันเนยเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้มีปัญหากระเพาะ เพราะได้ผ่านกระบวนการลดไขมันอิ่มตัวซึ่งอาจทำให้กระเพาะทำงานหนักนอกจากนี้ การเลือกนมที่มีน้ำตาลต่ำยังช่วยลดการหมักในลำไส้ลดความเสี่ยงของอาการ ท้องอืด เรอเปรี้ยว และการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
2.นมที่ไม่มีแลคโตส (Lactose-Free Milk)
บางคนที่ปวดกระเพาะอาจมีภาวะไม่ทนต่อแลคโตสร่วมด้วยซึ่งหมายถึงร่างกายขาดเอนไซม์ แลคเตส ที่ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังดื่มนม เช่น:ปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องอืดดังนั้น หากคุณมีอาการเหล่านี้หลังดื่มนมทั่วไปควรเปลี่ยนมาดื่มนมที่ไม่มีแลคโตสแทน
3.นมจากธัญพืช
นมจากพืชไม่ได้เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติเท่านั้น แต่ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร แพ้แลคโตส หรือมีอาการระคายเคืองเมื่อต้องดื่มนมวัว

3.1. นมถั่วเหลือง
นมถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในนมจากธัญพืชที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีโปรตีนจากพืชสูง มีไอโซฟลาโวน (สารต้านอนุมูลอิสระ) และไม่มีแลคโตส จึงเหมาะกับผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่ไวต่อการกระตุ้น อย่างไรก็ตาม นมถั่วเหลืองอาจทำให้รู้สึกแน่นท้องหรือมีแก๊สบางราย โดยเฉพาะเมื่อดื่มตอนท้องว่าง
3.2. นมอัลมอนด์
นมอัลมอนด์เป็นหนึ่งในนมจากธัญพืชที่ย่อยง่ายที่สุด มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว วิตามินอี แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยฟื้นฟูเยื่อบุในกระเพาะอาหารและลดการอักเสบเล็กน้อยได้
3.3. นมวอลนัท
นมวอลนัทมีกรดไขมันโอเมก้า 3 โพลีฟีนอล และใยอาหารชนิดละลายน้ำ ซึ่งล้วนเป็นสารที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการอักเสบ สนับสนุนการสมานแผลในเยื่อบุ และช่วยปรับการเคลื่อนไหวของลำไส้ให้เป็นปกติ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นเรื้อรัง
3.4. นมข้าวโอ๊ต
นมข้าวโอ๊ตมีความโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยการมีเบต้า-กลูแคน ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดละลายน้ำที่สามารถสร้างเยื่อปกป้องตามธรรมชาติให้กับเยื่อบุในกระเพาะอาหารจากกรด อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสนับสนุนระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างนุ่มนวล
4.นมสูตรเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร
ในปัจจุบันมีนมสูตรเฉพาะที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหาร และแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการพัฒนาให้ย่อยง่าย มีใยอาหารชนิดละลายน้ำ พรีไบโอติก (จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์) และสารอาหารที่ช่วยปกป้องเยื่อบุทางเดินอาหาร
เหตุผลที่ควรเลือก:
ให้สารอาหารครบถ้วน แต่ยังคงอ่อนโยนต่อระบบย่อยอาหารช่วยฟื้นฟูเยื่อบุในกระเพาะอาหารที่ถูกทำลายมักมาในรูปแบบนมผงละลายน้ำ ปรับปริมาณได้ง่ายตามความต้องการ

วิธีดื่มนมอย่างถูกต้องเมื่อมีอาการปวดกระเพาะอาหาร
นมเป็นแหล่งสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่หากดื่มไม่ถูกวิธี อาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองและทำให้อาการปวดกระเพาะแย่ลงได้ ดังนั้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อดื่มนมอย่างปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร
1.ควรดื่มนมอุ่นเป็นอันดับแรก
อุณหภูมิของนมสามารถส่งผลต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร ดังนั้นควรเลือกดื่มนมอุ่นแทนนมเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นกระเพาะอาหารและลดความเสี่ยงของการหดเกร็ง
2.ดื่มนมหลังมื้ออาหาร
ไม่ควรดื่มนมขณะท้องว่าง เพราะอาจกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรดมากขึ้น ทำให้รู้สึกไม่สบายหรือเกิดอาการกรดไหลย้อน ควรดื่มนมหลังมื้ออาหารประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อช่วยปรับสมดุลกรดและปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร
3.เลือกประเภทนมให้เหมาะสม
ควรเลือกนมที่ไม่มีน้ำตาลหรือมีน้ำตาลน้อย เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการท้องอืด ย่อยยาก และหลีกเลี่ยงนมที่มีสารแต่งกลิ่น สารกันเสีย หรือสารเติมแต่งอื่นๆ เพราะอาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้
4.ทางเลือกสำหรับผู้ที่แพ้แลกโตส
หากคุณไม่สามารถย่อยแลกโตสได้ และมีอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือท้องเสียหลังจากดื่มนมวัว ควรเลือกนมที่ไม่มีแลกโตส (lactose-free) หรือนมจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ หรือนมข้าวโอ๊ต เพื่อลดภาระต่อระบบย่อยอาหาร
5.ควบคู่กับการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม
นอกจากการดื่มนมอย่างถูกวิธีแล้ว ควรรักษาพฤติกรรมการกินที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารเปรี้ยว เผ็ด หรือมันมากเกินไป และไม่ควรกินมากจนอิ่มเกินไปหรือปล่อยให้หิวจนเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร และช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้น
👉 ดูเพิ่มเติม: 5 วิธีบรรเทาอาการปวดกระเพาะอาหารที่บ้านอย่างรวดเร็วและได้ผลดีที่สุด
ดร. อมรรัตน์ วงศ์สุข
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและระบบทางเดินอาหาร