อาการปวดกระเพาะอาหาร แผลในกระเพาะ กรดไหลย้อน หรือท้องอืด เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนหันไปพึ่งยาแผนปัจจุบันเหมือนเป็น “ทางรอดสุดท้าย”แต่กลับมีคนจำนวนมากเริ่มสังเกตเห็นความจริงที่ขัดแย้งกันว่า — ยิ่งกินยา อาการกลับไม่ดีขึ้น แถมยังแย่ลงกว่าเดิม แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
- ยาโรคกระเพาะช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราว
ยารักษาโรคกระเพาะส่วนใหญ่ในปัจจุบัน (เช่น ยาลดการหลั่งกรด, ยาเคลือบกระเพาะ, ยาต้านฮีสตามีน H2 ฯลฯ) มักใช้เพื่อลดอาการปวด แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว หรือคลื่นไส้ในระยะสั้นเท่านั้น แต่…
ไม่ได้ขจัดต้นตอของปัญหา เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย HP, ความไม่สมดุลของกรดในกระเพาะ, ความเครียด หรือพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
เมื่อหยุดยา อาการมักกลับมาอีก และในบางครั้งอาจรุนแรงกว่าเดิม
- การใช้ยาเกินความจำเป็นทำให้สภาพแวดล้อมของระบบย่อยอาหารแปรปรวน
ยารักษาโรคกระเพาะบางชนิดสามารถเปลี่ยนระดับ pH ในกระเพาะอาหารหรือยับยั้งการหลั่งกรดมากเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบหลายด้าน เช่น:
- ส่งผลต่อสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้
- ทำให้ย่อยอาหารยากขึ้นและดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่
- เพิ่มโอกาสให้แบคทีเรียชนิดไม่ดีเจริญเติบโต
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงทำให้กระเพาะอาหารอ่อนแอลงเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนระบบภูมิคุ้มกัน และลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหารในระยะยาวอีกด้วย
- เสี่ยงต่อการพึ่งพายาและดื้อยา
หลายคนเมื่อใช้ยารักษาโรคกระเพาะในระยะหนึ่ง มักพบว่า:
ต้องเพิ่มขนาดยาเรื่อยๆ แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น
กลายเป็นต้องพึ่งยา ไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติหากไม่มียาร่วมด้วย
ในกรณีรุนแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เยื่อบุกระเพาะอาหารฝ่อ หรือเซลล์เยื่อบุเริ่มกลายสภาพ (dysplasia)
- โรคกระเพาะต้องได้รับการดูแลแบบองค์รวม – ไม่ใช่แค่พึ่งยา
เหมือนกับ “เทน้ำใส่แก้วที่แตกร้าวโดยไม่ปะก้นแก้ว” การกินยาอย่างเดียวโดยไม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การกิน ความเครียด หรือไม่เสริมการปกป้องเยื่อบุกระเพาะ ก็ทำให้โรคกลับมาเป็นซ้ำอีกได้
แทนที่จะพึ่งยา หลายคนจึงหันมาใช้แนวทางดูแลแบบองค์รวมมากขึ้น เช่น:
- ปรับพฤติกรรมการกิน: กินตรงเวลา ลดอาหารรสจัด เปรี้ยว เผ็ด หลีกเลี่ยงการกินมื้อดึก
- ลดความเครียด – นอนหลับให้เพียงพอ
- เสริมด้วยสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์โภชนาการ ที่ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง เพิ่มเมือกเคลือบป้องกันกระเพาะ ปรับสมดุลกรด และดูแลจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร
- ทางเลือกเสริม: เมื่อกระเพาะอาหารต้องการการบำรุง ไม่ใช่แค่การยับยั้ง
มีงานวิจัยบางฉบับในช่วงหลังที่แสดงให้เห็นว่า สารออกฤทธิ์บางชนิดมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น:
- เคอร์คูมิน (จากขมิ้น) – ช่วยลดการอักเสบและสมานเยื่อบุกระเพาะอาหาร
- จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ (โปรไบโอติกส์) – ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องผูก
- ชะเอม, ตังกุย, เห็ดหลินจือ – ช่วยบรรเทาระบบย่อยอาหาร ลดความเครียด
การผสมผสานระหว่างแพทย์แผนโบราณกับโภชนาการสมัยใหม่ กำลังเปิดแนวทางใหม่ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่มีโรคกระเพาะเรื้อรัง
Up5 คือผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวอย่างที่ผสมผสานระหว่างแพทย์แผนโบราณและแพทย์แผนปัจจุบัน
ผลิตจากโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน FDA ของประเทศไทย
การใช้ยาแก้โรคกระเพาะไม่ใช่เรื่องผิด – แต่สิ่งที่ผิดคือเมื่อเรามองว่ายาเป็นทางออกเพียงอย่างเดียว หากต้องการให้กระเพาะอาหารแข็งแรงอย่างแท้จริง คุณควรเข้าใจสาเหตุของปัญหา บำรุงระบบย่อยอาหารจากรากฐาน และเลือกแนวทางที่ปลอดภัย ยั่งยืน แทนการพึ่งพายาเพียงอย่างเดียว.
ดร. อมรรัตน์ วงศ์สุข
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและระบบทางเดินอาหาร